โบรก ประเมินทิศหุ้นไทยเดือนมี.ค.65 ปรับดีขึ้นกว่าหุ้นโลก ให้กรอบดัชนี 1655-1750 จุด ปัจจัยผันผวนหลักยังมาจากความตึงเครียดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เฟดขึ้นดอกเบี้นนโยบาย 0.25% และยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศ “3 โบรก”แนะกลยุทธลงทุน ธีมหุ้นใหญ่กำไรฟื้นตัว เฟ้น 17 หุ้นเด่น

ตลาดหุ้นไทยในเดือนมีนาคม ยังมีความผันผวนสูง จากปัจจัยหลักคือ สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยคนโยบายเป็นครั้งแรก ล่าสุดนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงยืนยันเดินตามแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยเริ่มเดือน มีนาคมนี้ในอัตรา 0.25% รวมถึงปัจจัยในประเทศ ที่ต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มจำนวนสูง

 

“ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล” รวบรวมกลยุทธ์ลงทุนจาก 3 โบรกฯ และหุ้นน่าลงทุนประจำเดือนนี้มีหุ้นตัวไหนบ้าง เริ่มจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย ประเมินหุ้นไทยเดือนมีนาคม ทีี่กรอบดัชนี SET 1,655–1,750 จุด โดยให้น้ำหนักเรื่อง สถานการณ์ โควิด-19, ความเสี่ยงสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการเดินหน้าใช้นโยบายการเงินของเฟดที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ในเดือนนี้

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะสะสมหุ้นขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มกำไรฟื้นตัวเด่นหลังจากนี้พร้อมคาดหวังเม็ดเงินต่างชาติหนุน 7 หุ้นเด่น ( อัพไซด์ : คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 3 มี.ค. 65 ) ได้แก่

 

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ( SCC ) ราคาเหมาะสม 500 บาท ( อัพไซด์ 29.87%)
บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ราคาเหมาะสม 69.00บาท (อัพไซด์ 6.56%)
บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ( KBANK ) ราคาเหมาะสม 174.00 บาท (อัพไซด์ 7.41%)
บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ( DTAC) ราคาเหมาะสม 63.40 บาท ( อัพไซด์ 31.40 )

บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ( BJC ) ราคาเหมาะสม 38.50 บาท ( อัพไซด์ 6.21%)

บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC ) ราคาเหมาะสม 86.50 บาท (อัพไซด์ 22.26%)

บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป ( M ) ราคาเหมาะสม 63.00 บาท ( อัพไซด์ 16.13% )

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนมีนาคมทิศทางปรับขึ้นดีกว่าหุ้นโลก (Outperform) เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจำกัดจากสถานการณ์ตึงเครียดยูเครน – รัสเซีย แต่จากความกังวลเงินเฟ้อที่พุ่ง ปัจจัยแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอนสูง และโอกาสการปรับขึ้น (Upside) ตลาดเริ่มจำกัด โดยเฉพาะหากปรับขึ้นทะลุเกินกว่าระดับ 1,700 จุด

 

แนะนำกลยุทธ์เลือกหุ้นลงทุนเป็นรายตัว (Selective Buy) โดยหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาด คือ

 

1) หุ้นงบไตรมาส 4/2564 ออกมาดี มีโอกาสปรับประมาณกำไรขึ้นเด่น คือ

 

บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ( BDMS ) ให้ราคาเหมาะสม 28.00 บาท ( อัพไซด์ 13.81% )
บมจ.บีอีซี เวิลด์ ( BEC) ราคาเหมาะสม 19.50 บาท ( อัพไซด์ 12.72% )
บมจ. สยามแม็คโคร ( MAKRO ) ราคาเหมาะสม 52.00 บาท ( อัพไซด์ 21.71%)

2. หุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดีราคายังขึ้นช้า (Big Cap, Value, Laggard) คือ

 

บมจ.ผลิตไฟฟ้า ( EGCO ) ราคาเหมาะสม 215 บาท (อัพไซด์ 21.47%)
บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ( INTUCH ) ราคาเหมาะสม 83.00 บาท (อัพไซด์ 7.10% )
บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB ) ราคาเหมาะสม 167 บาท ( อัพไซด์ 35.22%)
บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ( SCC ) ราคาเหมาะสม 464 บาท (อัพไซด์ 20.52%)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองกรอบดัชนี SET ในเดือนมีนาคมที่ 1660-1740 จุด โดยประเมินหากกรณีไม่เกิดสงครามลุกลาม ดัชนี SET จะไม่หลุดแนวรับหลัก 1,660 จุด อย่างไรก็ดีจากความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างประเทศ กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะเน้นลงทุนในกลุ่มหุ้นคุณค่า (Value) และหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic Play) ได้แก่ น้ำมันและ Commodity ต้นน้ำ ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ การแพทย์ซึ่งคาดว่าจะแกว่งตัวได้ แข็งแรงกว่าตลาด โดยรวมเลือกหุ้นเด่นเดือนนี้ได้แก่

 

บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ( BDMS ) ราคาเหมาะสม 29.00 บาท (อัพไซด์ 17.89%)
บมจ.ซีพี ออลล์ ( CPALL) ราคาเหมาะสม 82.00 บาท ( อัพไซด์ 19.27%)
บมจ.โอสถสภา ( OSP) ราคาเหมาะสม 42.00 บาท (อัพไซด์ 11.26%)
บมจ. ปัญจวัฒนาพลาสติก ( PJW ) ราคาเหมาะสม 6.00 บาท ( อัพไซด์ 22.95%)
บมจ.ไทยออยล์ ( TOP ) ราคาเหมาะสม 67.00 บาท (อัพไซด์ 27.62%)

อ้างอิง
https://www.thansettakij.com/money_market