สุนันท์ ศรีจันทรา
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศเตือนผู้ถือหุ้นบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ในการลงมติลงทุนเพิ่มในเหมืองขุดบิตคอยน์

JTS จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อขอมติจัดซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์ จำนวน 6,000 เครื่อง พร้อมระบบไฟฟฟ้าและระบบที่เกี่ยวข้อง วงเงิน 3,300 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ เห็นว่ามีความสมเหตุสมผล และเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับบริษัทฯ

แต่บริษัทที่ปรึกษาการเงินอิสระกลับมีความเห็นว่า ธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ มีตัวแปรที่ JTS ไม่อาจควบคุมได้ และมีนัยสำคัญต่อกระแสเงินสด

นอกจากนั้น มูลค่าของบิตคอยน์ในอนาคต อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์ต่อบาทไทย จำนวนแฮชรวมของเครือข่ายของเครื่องขุดบนเครือข่ายบิตคอยน์ทั้งหมด อัตราค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมของบิตคอยน์ที่ผู้ขุดจะได้รับและการเปลี่ยนแปลงของสมการ หรือกฎระเบียบ หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ จะมีผลต่อการขุดบิตคอยน์อย่างมีนัยสำคัญ

รวมทั้งเหรียญบิตคอยน์เองไม่มีมูลค่าพื้นฐานที่ชัดเจน ราคาของเหรียญบิตคอยน์ในปัจจุบันจึงเป็นราคาตลาดที่มีสมมติฐานจากความเป็นไปได้ของมูลค่า จากประโยชน์ที่อาจมี หรืออาจไม่มีของบิตคอยน์ในอนาคต

บริษัทที่ปรึกษาการเงินจึงไม่สามารถประเมินมูลค่ายุติธรรมในการลงทุนธุรกิจการขุดเหรียญบิตคอยน์ได้ และเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงและผลกระทบของความผันผวนของตัวแปรต่างๆ จึงเห็นว่า โครงการลงทุนมีความเสี่ยง ที่สำคัญ JTS ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมีผลกระทบต่อผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น ผู้ถือหุ้นควรลงมติไม่อนุมัติรายการดังกล่าว

ก.ล.ต. ขอให้ผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ และใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมกับสอบถามผู้บริหาร JTS ถึงข้อมูลต่างๆ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนในการประกอบการตัดสินใจออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นด้วย

ความเห็นของที่ปรึกษาการเงินอิสระ สะท้อนให้เห็นว่า การลงทุนตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ของ JTS ค่อนข้างเลื่อนลอย ไม่อาจประเมินถึงความคุ้มค่าของการลงลงทุนได้ การทุ่มเงินประมาณ 3,300 ล้านบาทจึงมีความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทที่ปรึกษาการเงินอิสระจะเรียกร้องผู้ถือหุ้นไม่ให้ลงมติอนุมัติการตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ แต่ฝ่ายบริหาร JTS คงผลักดันมติผ่านจนได้

เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อย JTS แทบไม่เหลือแล้ว โดยขายหุ้นกำไรทิ้งก่อนหน้า เนื่องจากราคาหุ้นถูกลากขึ้นมาอย่างร้อนแรงตั้งแต่ต้นปี 2564 จากราคา 1.93 บาท สิ้นปี 2563 ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ขึ้นมาปิดที่ 271 บาท เพิ่มขึ้น 269.07 บาท หรือเพิ่มขึ้น 13,941.45% ภายในเวลา 13 เดือนเศษ

หุ้น JTS ที่ถูกลากขึ้นอาจไม่ใช่ปัจจัยหนุนจากโครงการลงทุนเหมืองขุดบิตคอยน์ เพราะราคาหุ้นพุ่งขึ้นก่อนที่บริษัทฯ จะประกาศตั้งเหมืองขุดในกลางปี 2564

และการตั้งเหมืองขุดไม่น่าจะพลิกฟื้นผลประกอบการบริษัท จนมีผลกำไรเติบโตก้าวกระโดด เพราะถ้าการขุดบิตคอยน์สร้างรายได้ดีจริง บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และตลาด MAI เกือบ 1,000 บริษัท คงแห่กันตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์กันหมดแล้ว

ไม่มีใครโง่ปล่อยให้ JTS และบริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA โกยเงินจากการขุดบิตคอยน์แน่

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งสัญญาณเตือนมากว่า 1 ปีแล้ว ล่าสุด ก.ล.ต.ออกมาเตือนซ้ำถึงความเสี่ยงการโยกเงินกว่า 3 พันล้านบาทขุดบิตคอยน์ จน JTS เข้าข่ายเป็นหุ้นอันตรายและนักลงทุนควรหลีกเลี่ยง

หุ้นตัวนี้ควรปิดฉากลงแล้ว แต่ตลาดหลักทรัพย์ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันว่าใครอยู่เบื้องหลังลากหุ้นตัวนี้ และจะดันทุรังลากกันทะลุ 300 บาทหรือไม่

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket